สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ชาวไทยในแคนาดา หรือใครที่กำลังวางแผนจะมาใช้ชีวิตที่นี่ เชื่อว่าหลายคนคงกำลังคิดหนักเรื่อง “รถยนต์” กันอยู่ใช่ไหมคะ? ทั้งการเดินทางในประเทศกว้างใหญ่แบบแคนาดา การมีรถคู่ใจสักคันนี่สำคัญจริง ๆ ค่ะ แต่คำถามยอดฮิตที่มักจะผุดขึ้นมาในหัวก็คือ “จะซื้อรถดี หรือจะเช่ารถ (Lease) ดีกว่ากันนะ?” เพราะสองทางเลือกนี้มีรายละเอียดที่แตกต่างกันเยอะมาก ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายรายเดือน ประกันภัยที่แพงหูฉี่สำหรับผู้มาใหม่ หรือแม้แต่ความยืดหยุ่นในการใช้งานในระยะยาว บอกเลยว่าการตัดสินใจครั้งนี้ส่งผลต่อกระเป๋าเงินและความสบายใจของเราในอนาคตเลยนะคะ ฉันเองก็เคยผ่านช่วงเวลาสับสนนี้มาแล้วจนปวดหัวไปหมดเลยค่ะ แต่อย่าเพิ่งกังวลใจไปนะคะ มาดูรายละเอียดกันแบบไม่พลาดทุกจุดกันเลยค่ะ!
สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ชาวไทยในแคนาดา หรือใครที่กำลังวางแผนจะมาใช้ชีวิตที่นี่ เชื่อว่าหลายคนคงกำลังคิดหนักเรื่อง “รถยนต์” กันอยู่ใช่ไหมคะ? ทั้งการเดินทางในประเทศกว้างใหญ่แบบแคนาดา การมีรถคู่ใจสักคันนี่สำคัญจริง ๆ ค่ะ แต่คำถามยอดฮิตที่มักจะผุดขึ้นมาในหัวก็คือ “จะซื้อรถดี หรือจะเช่ารถ (Lease) ดีกว่ากันนะ?” เพราะสองทางเลือกนี้มีรายละเอียดที่แตกต่างกันเยอะมาก ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายรายเดือน ประกันภัยที่แพงหูฉี่สำหรับผู้มาใหม่ หรือแม้แต่ความยืดหยุ่นในการใช้งานในระยะยาว บอกเลยว่าการตัดสินใจครั้งนี้ส่งผลต่อกระเป๋าเงินและความสบายใจของเราในอนาคตเลยนะคะ ฉันเองก็เคยผ่านช่วงเวลาสับสนนี้มาแล้วจนปวดหัวไปหมดเลยค่ะ แต่อย่าเพิ่งกังวลใจไปนะคะ มาดูรายละเอียดกันแบบไม่พลาดทุกจุดกันเลยค่ะ!
ทำความเข้าใจโลกของรถยนต์ในแคนาดา: จะซื้อหรือ Lease ดีนะ?
ทางเลือกที่ 1: การเป็นเจ้าของรถยนต์ (Buying)
การซื้อรถยนต์ในแคนาดาให้ความรู้สึกมั่นคงและเป็นเจ้าของอย่างแท้จริงเลยค่ะ เหมือนได้มีบ้านเป็นของตัวเองยังไงอย่างงั้นเลยนะ โดยเฉพาะถ้าเราวางแผนจะอยู่ที่นี่นาน ๆ การซื้อรถก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่ป้ายแดงที่ออกจากโชว์รูมพร้อมกลิ่นอายความสดใหม่ หรือรถมือสองที่ราคาจับต้องได้มากกว่า แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างแรกเลยคือเรื่องเงินก้อนโตที่ต้องจ่ายตอนแรกนะคะ ถ้าคุณมีเงินดาวน์มากพอ หรือสามารถซื้อเงินสดได้เลย ก็จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยลงไปได้เยอะมาก ๆ เลยล่ะค่ะ แต่สำหรับหลาย ๆ คนที่เพิ่งย้ายมาแคนาดา การมีเงินก้อนขนาดนั้นอาจจะไม่ง่ายนัก ฉันเองก็เคยเจอสถานการณ์นี้มาก่อนค่ะ ต้องคิดแล้วคิดอีกว่าเงินเก็บที่มีอยู่จะเพียงพอไหม แถมยังต้องกันเงินสำรองไว้สำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่คาดไม่ถึงด้วยนะ เพราะชีวิตในแคนาดามันก็มีเรื่องให้จ่ายตลอดจริง ๆ ค่ะ
ทางเลือกที่ 2: การเช่ารถยนต์ระยะยาว (Leasing)
ส่วนการ Lease รถยนต์เนี่ย มันเหมือนกับการเช่ารถใช้ในระยะยาวมากกว่าการเป็นเจ้าของนะคะ โดยทั่วไปสัญญา Lease จะอยู่ที่ประมาณ 2-5 ปี พอครบสัญญาแล้วเราก็มีทางเลือกว่าจะคืนรถ หรือจะซื้อรถคันนั้นต่อก็ได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในสัญญาค่ะ ข้อดีของการ Lease คือเราไม่ต้องควักเงินก้อนใหญ่ตอนแรกมากเท่ากับการซื้อรถ และค่าผ่อนรายเดือนก็มักจะถูกกว่าการซื้อ ทำให้เรามีเงินเหลือไปใช้จ่ายอย่างอื่น หรือเก็บออมได้มากกว่า แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่างที่เราต้องรู้ไว้ด้วยนะ อย่างเช่น การจำกัดระยะทางต่อปี ถ้าขับเกินที่กำหนดก็ต้องเสียค่าปรับ หรือบางทีอาจจะมีการคิดค่าสึกหรอของรถตอนที่เราคืนรถด้วยค่ะ ซึ่งตรงนี้แหละที่เราต้องอ่านสัญญาให้ดี ๆ เลยนะ เพราะฉันเคยได้ยินเพื่อนบ่นว่าโดนค่าปรับตอนคืนรถเพราะลืมเช็คเรื่องนี้เลยทีเดียว
ค่าใช้จ่ายแฝงที่ไม่ควรมองข้าม: เงินในกระเป๋าจะรอดไหม?
ค่าประกันภัยรถยนต์: บทเรียนราคาแพงสำหรับคนมาใหม่
เรื่องค่าประกันภัยรถยนต์นี่แหละค่ะ ที่เป็นเหมือนฝันร้ายสำหรับผู้มาใหม่ในแคนาดาหลาย ๆ คน รวมถึงฉันด้วย! เพราะว่าค่าประกันรถยนต์ที่นี่แพงหูฉี่จริง ๆ นะ โดยเฉพาะถ้าเรายังไม่มีประวัติการขับขี่ในแคนาดา หรือไม่มีประวัติเครดิตที่ดีพอ บางคนจ่ายค่าประกันสูงถึงเดือนละ 1,000-1,500 ดอลลาร์แคนาดาเลยก็มีนะคะ (อันนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยนะ เงินเดือนทั้งเดือนแทบจะหมดไปกับค่าประกัน) แต่ละรัฐหรือมณฑลก็มีกฎเกณฑ์การประกันภัยที่แตกต่างกันไปอีก อย่างใน Ontario หรือ BC ค่าประกันก็อาจจะสูงกว่าที่อื่น ๆ ค่ะ บางทีเราต้องยอมขับรถรุ่นที่ไม่แพงมากไปก่อน เพื่อสร้างประวัติการขับขี่ที่ดีและประวัติการทำประกันที่น่าเชื่อถือสักสองสามปี เพื่อให้ค่าประกันลดลงในอนาคต ตอนฉันมาใหม่ ๆ ก็ตกใจกับตัวเลขค่าประกันจนต้องไปหาข้อมูลเปรียบเทียบจากหลาย ๆ บริษัทเลยล่ะค่ะ ต้องทำใจหน่อยนะเพื่อน ๆ
ค่าบำรุงรักษาและซ่อมแซม: สิ่งที่มองไม่เห็นแต่มีอยู่จริง
การมีรถยนต์คู่ใจ ไม่ว่าจะซื้อหรือ Lease ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาตามมาเสมอค่ะ ถ้าเป็นรถใหม่ที่ซื้อมา ก็มักจะมาพร้อมกับการรับประกันจากผู้ผลิต ทำให้เราสบายใจเรื่องค่าซ่อมไปได้พักใหญ่เลย แต่ก็ยังต้องมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ตรวจเช็คสภาพตามระยะทางอยู่ดี ส่วนรถมือสองนี่แหละค่ะ ที่เราต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะรถยิ่งเก่าก็ยิ่งมีโอกาสที่จะต้องซ่อมบำรุงบ่อยขึ้น ค่าอะไหล่และค่าแรงช่างในแคนาดาก็ไม่ถูกเลยนะคะ เคยมีเพื่อนฉันซื้อรถมือสองมาราคาดี แต่สุดท้ายต้องมาจ่ายค่าซ่อมแพงกว่าราคารถซะอีก!
ซึ่งถ้าเราเลือก Lease รถ ส่วนใหญ่ค่าบำรุงรักษาพื้นฐานมักจะรวมอยู่ในสัญญาแล้ว ทำให้เราไม่ต้องกังวลเรื่องค่าซ่อมบำรุงจุกจิกเท่ากับการซื้อรถค่ะ แต่อย่าลืมอ่านรายละเอียดในสัญญาดี ๆ นะคะว่าเขาครอบคลุมอะไรบ้าง
อิสระในการใช้งานกับความยืดหยุ่นระยะยาว: ชีวิตสไตล์ไหนที่ใช่คุณ?
ความอิสระในการปรับแต่งและการใช้งานแบบไร้กังวล
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบปรับแต่งรถให้เป็นสไตล์ของตัวเอง หรือชอบเดินทางไกล ๆ แบบไม่มีข้อจำกัด การซื้อรถอาจเป็นคำตอบที่ใช่ที่สุดค่ะ การเป็นเจ้าของรถหมายความว่าเรามีอิสระเต็มที่ในการทำอะไรก็ได้กับรถคันนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนสี ติดฟิล์ม หรือตกแต่งภายในตามใจชอบโดยไม่ต้องขออนุญาตใคร แถมยังไม่ต้องกังวลเรื่องข้อจำกัดระยะทางเหมือนกับการ Lease ด้วยนะคะ อยากขับไปเที่ยวไหนไกลแค่ไหนก็ได้เท่าที่เราต้องการ เพราะแคนาดามีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและกว้างใหญ่มากจริง ๆ ค่ะ การมีรถเป็นของตัวเองทำให้ฉันรู้สึกถึงอิสระและเป็นส่วนหนึ่งกับประเทศนี้มากขึ้นเลยล่ะค่ะ อยากจะขับรถไป Rockies เมื่อไหร่ก็ได้ที่ใจอยากไป
ความยืดหยุ่นในการเปลี่ยนรถและการวางแผนอนาคต
แต่ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่าจะอยู่ที่แคนาดานานแค่ไหน หรือเป็นคนที่ไม่ชอบใช้รถคันเดิมนาน ๆ การ Lease ก็เป็นตัวเลือกที่ให้ความยืดหยุ่นสูงกว่าค่ะ ลองคิดดูนะคะ ถ้า Lease รถสัก 3 ปี พอครบสัญญาก็สามารถคืนรถแล้วไป Lease รถรุ่นใหม่ หรือแบรนด์อื่น ๆ ได้ง่าย ๆ เลย โดยไม่ต้องยุ่งยากกับการประกาศขายรถเก่า นี่เป็นข้อดีสำหรับคนที่ชอบตามเทคโนโลยีใหม่ ๆ หรือคนที่ยังไม่ได้วางแผนชีวิตระยะยาวที่แน่นอนในแคนาดาค่ะ นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นสร้างประวัติเครดิตในแคนาดา การ Lease อาจจะช่วยให้การอนุมัติง่ายกว่าการขอสินเชื่อเพื่อซื้อรถ เพราะจำนวนเงินที่ต้องกู้น้อยกว่า และมีความเสี่ยงสำหรับผู้ให้กู้น้อยกว่าด้วย
อนาคตทางการเงินกับการสร้างเครดิต: รถยนต์ช่วยคุณได้ยังไง?
การสร้างประวัติเครดิตที่สำคัญต่อชีวิตในแคนาดา
ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจซื้อรถแบบผ่อนชำระ หรือ Lease รถ สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยคือ “การสร้างประวัติเครดิต” ในแคนาดาค่ะ ประวัติเครดิตที่ดีเป็นหัวใจสำคัญในการทำธุรกรรมทางการเงินแทบทุกอย่างที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นการขอสินเชื่อบ้าน, บัตรเครดิต, หรือแม้แต่การเช่าอพาร์ตเมนต์ การผ่อนชำระค่างวดรถ หรือค่า Lease ตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยสร้างประวัติเครดิตที่ดีให้กับเราได้เป็นอย่างมากเลยนะคะ ตอนฉันมาอยู่แรก ๆ ก็กังวลเรื่องนี้มาก เพราะไม่มีประวัติเครดิตเลย แต่การจ่ายบิลต่าง ๆ ตรงเวลา รวมถึงการมีบัตรเครดิตที่ใช้จ่ายอย่างรับผิดชอบ ก็ช่วยให้คะแนนเครดิตฉันดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ การมีรถเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยเร่งกระบวนการนี้ได้ดีทีเดียว
ผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินและการลงทุนในระยะยาว
การตัดสินใจระหว่างซื้อกับ Lease ยังส่งผลต่อสถานะทางการเงินระยะยาวของเราด้วยค่ะ ถ้าคุณซื้อรถ รถยนต์จะเป็น “สินทรัพย์” ของเรา ถึงแม้ว่ามูลค่าจะลดลงไปตามกาลเวลา (Depreciation) แต่ก็ยังคงมีมูลค่าเหลืออยู่เมื่อเราต้องการขายต่อ ซึ่งเงินที่ได้จากการขายรถก็สามารถนำไปลงทุนอย่างอื่น หรือใช้เป็นเงินดาวน์สำหรับรถคันใหม่ได้ แต่ถ้าเราเลือก Lease รถ มันก็เหมือนกับการจ่ายค่าเช่าไปเรื่อย ๆ โดยที่เราไม่ได้เป็นเจ้าของรถคันนั้นเลย พอครบสัญญา รถก็ไม่ใช่ของเรา และเราก็ไม่ได้อะไรกลับมานอกจากประสบการณ์การขับขี่รถคันใหม่ ดังนั้น ถ้ามองในแง่ของการสร้างทรัพย์สินและการลงทุนระยะยาว การซื้อรถอาจจะดูมีภาษีดีกว่าในจุดนี้ค่ะ
เรื่องประกันภัยรถยนต์ที่ซับซ้อน: บทเรียนราคาแพงสำหรับคนมาใหม่
ความแตกต่างของประกันภัยในแต่ละรัฐและประเภทความคุ้มครอง
เรื่องประกันภัยรถยนต์ในแคนาดานี่แหละค่ะ ที่ซับซ้อนและแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐหรือมณฑล บางมณฑลอย่างบริติชโคลัมเบีย (BC), ซัสแคตเชวัน (Saskatchewan), หรือแมนิโทบา (Manitoba) มีระบบประกันภัยรถยนต์แบบสาธารณะที่รัฐบาลเข้ามาจัดการ ในขณะที่บางมณฑลเช่น ออนแทรีโอ (Ontario) หรืออัลเบอร์ตา (Alberta) จะเป็นระบบประกันภัยแบบส่วนตัวที่แข่งขันกันเอง ทำให้เรามีตัวเลือกบริษัทประกันมากมาย สิ่งที่สำคัญคือเราต้องเข้าใจว่าความคุ้มครองขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดคืออะไร และเราควรจะซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมอะไรบ้างเพื่อความสบายใจของเราเองค่ะ ฉันจำได้เลยว่าตอนหาข้อมูลประกันรถครั้งแรก ปวดหัวมาก เพราะศัพท์ประกันเยอะแยะไปหมด แถมแต่ละบริษัทก็มีเงื่อนไขต่างกัน จนต้องปรึกษาเพื่อนคนไทยที่อยู่ที่นี่มาก่อนหลายคนเลยทีเดียว
เคล็ดลับลดค่าเบี้ยประกันสำหรับผู้ย้ายถิ่นฐานใหม่
สำหรับผู้ที่เพิ่งย้ายมาแคนาดาอย่างเรา ๆ ค่าเบี้ยประกันรถยนต์มักจะสูงกว่าคนท้องถิ่นที่มีประวัติการขับขี่ในแคนาดายาวนาน แต่ก็มีวิธีที่จะช่วยลดค่าเบี้ยประกันได้บ้างนะคะ อย่างแรกคือการพยายามหาใบรับรองประวัติการขับขี่จากประเทศบ้านเกิด (Driving Record) ที่เป็นภาษาอังกฤษ หรือแปลเป็นภาษาอังกฤษอย่างถูกต้อง เพื่อใช้ประกอบการยื่นขอประกัน ซึ่งบางบริษัทอาจจะยอมพิจารณาให้ อีกอย่างคือการเลือกซื้อรถที่ไม่แพงมากนัก หรือรถรุ่นที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรม เพราะยิ่งรถมีราคาสูง หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง ค่าประกันก็จะยิ่งแพงขึ้นตามไปด้วย และที่สำคัญที่สุดคือการขับขี่อย่างระมัดระวัง ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ หรือมีประวัติการละเมิดกฎจราจร เพราะประวัติที่ดีจะช่วยลดค่าเบี้ยประกันในระยะยาวได้แน่นอนค่ะ
การบำรุงรักษาและการดูแล: รถยนต์คู่ใจต้องได้รับการใส่ใจ
ความรับผิดชอบในการดูแลรักษารถที่คุณเป็นเจ้าของ
เมื่อเราตัดสินใจซื้อรถยนต์เป็นของตัวเอง ความรับผิดชอบในการดูแลรักษาทั้งหมดก็จะตกเป็นของเราค่ะ ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนยางตามฤดู (ในแคนาดาหลายพื้นที่ต้องเปลี่ยนยางหน้าหนาวนะ), การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง, การตรวจเช็คสภาพตามระยะ, และการซ่อมแซมเมื่อเกิดความเสียหาย การเลือกอู่ซ่อมรถที่น่าเชื่อถือก็เป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ เพราะค่าแรงช่างที่นี่ค่อนข้างสูง ถ้าเจอช่างไม่ดีอาจจะโดนฟันราคา หรือซ่อมไม่จบก็ได้นะ ฉันเคยเจอประสบการณ์ที่รถมีเสียงแปลก ๆ ตอนขับ เลยต้องพึ่งอู่ที่เพื่อนแนะนำให้ ไม่งั้นคงต้องจ่ายแพงกว่าที่ควรจะเป็นแน่ ๆ เลย การหาข้อมูลและรีวิวอู่ซ่อมรถก่อนใช้บริการจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยค่ะ
ความสะดวกสบายเมื่อ Lease รถ: หมดห่วงเรื่องซ่อมใหญ่
ตรงกันข้ามกับการซื้อ ถ้าเราเลือก Lease รถยนต์ หลาย ๆ ครั้งสัญญา Lease มักจะครอบคลุมการบำรุงรักษาพื้นฐาน หรือมีการรับประกันจากผู้ผลิตครอบคลุมตลอดระยะเวลาสัญญา ทำให้เราแทบจะไม่ต้องกังวลเรื่องค่าซ่อมบำรุงจุกจิก หรือค่าซ่อมใหญ่ ๆ เลยค่ะ พอครบสัญญาเราก็แค่คืนรถไป ทำให้เราไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับการหาอู่ซ่อม หรือค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดฝัน นี่เป็นข้อดีที่หลายคนชื่นชอบ โดยเฉพาะคนที่ต้องการความสบายใจและไม่อยากมีภาระเรื่องการดูแลรักษารถมากนัก อย่างไรก็ตาม เราก็ยังคงต้องดูแลรักษาความสะอาด และสภาพรถโดยทั่วไปให้ดีตามเงื่อนไขในสัญญาด้วยนะคะ เพราะถ้ามีรอยขีดข่วน หรือความเสียหายที่เกินจากการใช้งานปกติ อาจจะมีค่าปรับตอนคืนรถได้ค่ะ
เมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนรถ: การตัดสินใจที่ต้องคิดให้ดี
การขายรถมือสองและมูลค่าที่เหลืออยู่
เมื่อเราซื้อรถเป็นของตัวเอง พอถึงเวลาที่เราต้องการเปลี่ยนรถ หรือย้ายกลับประเทศ เราก็สามารถขายรถคันนั้นเพื่อนำเงินมาใช้ต่อได้ค่ะ แต่มูลค่าของรถยนต์จะลดลงเรื่อย ๆ ตามกาลเวลา ยี่ห้อ รุ่น และสภาพของรถก็มีผลต่อราคาขายต่อด้วยนะคะ การหาวิธีขายรถที่ได้ราคาดีที่สุดก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทายค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการขายให้กับดีลเลอร์ที่อาจจะให้ราคาต่ำกว่า หรือการประกาศขายเองผ่านช่องทางออนไลน์อย่าง Facebook Marketplace หรือ Craigslist ซึ่งอาจจะใช้เวลานานและต้องเจอผู้คนหลากหลาย ตอนฉันเคยช่วยเพื่อนขายรถมือสอง ก็ต้องทำใจอยู่นานกว่าจะเจอคนที่สนใจและให้ราคาที่พอรับได้
ความง่ายในการคืนรถและการเริ่มต้นใหม่กับการ Lease
สำหรับการ Lease รถยนต์ พอครบกำหนดสัญญาเราก็มีทางเลือกที่ง่ายกว่ามากค่ะ เราสามารถเลือกที่จะคืนรถให้กับดีลเลอร์และจบสัญญาไปเลย หรือถ้าชอบรถคันนั้นมากจริง ๆ ก็อาจจะเลือกซื้อรถคันนั้นต่อก็ได้ตามราคาที่ตกลงกันไว้ในสัญญาตั้งแต่แรก การคืนรถนี่แหละค่ะที่สะดวกสบายมาก ๆ ไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องการหาคนซื้อ หรือการต่อรองราคาให้ปวดหัว แค่เตรียมรถให้พร้อมตามเงื่อนไขในสัญญา ตรวจสอบสภาพรถให้ดี ๆ และนำไปคืนตามกำหนด แค่นี้เราก็ได้เริ่มต้นใหม่กับรถคันใหม่ หรือเลิกมีรถไปเลยก็ได้ถ้าชีวิตเปลี่ยน นี่คือความยืดหยุ่นที่การ Lease มอบให้ ที่การซื้อรถไม่สามารถให้ได้ค่ะ
คุณสมบัติ | การซื้อรถ (Buying) | การเช่ารถ (Leasing) |
---|---|---|
การเป็นเจ้าของ | เป็นเจ้าของรถยนต์อย่างสมบูรณ์ | เป็นผู้เช่า ไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของจนกว่าจะซื้อต่อ |
เงินดาวน์เริ่มต้น | โดยทั่วไปสูงกว่า อาจต้องใช้เงินก้อนใหญ่ | โดยทั่วไปต่ำกว่า หรือบางครั้งไม่มีเงินดาวน์ |
ค่าผ่อนรายเดือน | สูงกว่า (ครอบคลุมราคารถทั้งหมด) | ต่ำกว่า (ครอบคลุมค่าเสื่อมราคาและการใช้งาน) |
ค่าบำรุงรักษา | รับผิดชอบทั้งหมด อาจมีประกันครอบคลุมในรถใหม่ | มักจะรวมอยู่ในสัญญา หรือมีการรับประกันครอบคลุม |
ข้อจำกัดระยะทาง | ไม่มีข้อจำกัด ขับได้ไม่จำกัด | มีข้อจำกัดระยะทางต่อปี หากเกินต้องเสียค่าปรับ |
การปรับแต่งรถ | ทำได้เต็มที่ตามใจชอบ | มีข้อจำกัด ห้ามปรับแต่ง อาจมีผลต่อสัญญา |
การสิ้นสุดสัญญา | เป็นเจ้าของรถ สามารถขายต่อได้ | คืนรถให้ดีลเลอร์ หรือซื้อรถต่อตามเงื่อนไข |
การสร้างเครดิต | ช่วยสร้างเครดิตที่ดีถ้าผ่อนชำระตรงเวลา | ช่วยสร้างเครดิตที่ดีถ้าจ่ายค่า Lease ตรงเวลา |
글을 마치며
เป็นยังไงกันบ้างคะเพื่อน ๆ หวังว่าข้อมูลที่ฉันรวบรวมและถ่ายทอดจากประสบการณ์ตรงจะช่วยให้ทุกคนเห็นภาพรวมของการตัดสินใจซื้อหรือ Lease รถยนต์ในแคนาดาได้ชัดเจนขึ้นนะคะ ไม่มีคำตอบไหนที่ “ดีที่สุด” สำหรับทุกคน เพราะมันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเงิน แผนการใช้ชีวิต และความต้องการส่วนบุคคลจริง ๆ ค่ะ สิ่งสำคัญที่สุดคือการศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน คิดถึงผลกระทบในระยะยาว และเลือกสิ่งที่ตอบโจทย์ชีวิตของเรามากที่สุดค่ะ ขอให้ทุกคนได้รถยนต์คู่ใจที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในแคนาดานะคะ!
알아두면 쓸모 있는 정보
1. ประวัติการขับขี่จากประเทศบ้านเกิดมีค่ามาก: หากคุณมีใบขับขี่และประวัติการขับขี่ที่ดีจากประเทศไทย อย่าลืมขอเอกสารรับรองประวัติการขับขี่ (Driving Record) ที่เป็นภาษาอังกฤษ หรือนำไปแปลและรับรองอย่างถูกต้องก่อนเดินทางมาแคนาดานะคะ เอกสารนี้สามารถช่วยลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ของคุณได้มากทีเดียวค่ะ เพราะบริษัทประกันจะนำไปพิจารณาประวัติการขับขี่ของเรา ทำให้เขาเห็นว่าเราเป็นผู้ขับขี่ที่มีความรับผิดชอบและมีประสบการณ์ ซึ่งอาจหมายถึงส่วนลดที่ทำให้ค่าประกันรายเดือนลดลงได้เป็นหลักร้อยดอลลาร์เลยทีเดียวค่ะ อย่ามองข้ามจุดเล็ก ๆ ตรงนี้นะคะ มันช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้เยอะมาก ๆ เลยล่ะ
2. เปรียบเทียบประกันภัยให้ถี่ถ้วน: ค่าประกันภัยรถยนต์เป็นสิ่งที่แพงหูฉี่อย่างที่บอกไปแล้ว การขอใบเสนอราคาจากหลาย ๆ บริษัทประกันจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งค่ะ อย่าเพิ่งตกลงปลงใจกับบริษัทแรกที่คุณเจอเด็ดขาด เพราะราคาอาจแตกต่างกันได้มากถึงหลักร้อยดอลลาร์ต่อเดือนเลยนะคะ ลองใช้เว็บไซต์เปรียบเทียบราคาประกัน หรือโทรศัพท์สอบถามโดยตรงกับบริษัทต่าง ๆ เช่น TD Insurance, Desjardins, Intact Insurance หรือ Belairdirect ดูค่ะ และอย่าอายที่จะถามถึงส่วนลดต่าง ๆ ที่คุณอาจจะได้รับ เช่น ส่วนลดสำหรับการขับขี่ปลอดภัย, ส่วนลดสำหรับการรวมประกันภัยบ้านหรือคอนโด, หรือส่วนลดสำหรับรถยนต์ที่มีระบบความปลอดภัยพิเศษค่ะ
3. พิจารณา “ค่าเสื่อมราคา” (Depreciation) ให้ดี: หากคุณกำลังคิดจะซื้อรถ สิ่งสำคัญที่ต้องรู้คือรถยนต์มีค่าเสื่อมราคาอย่างรวดเร็วค่ะ โดยเฉพาะในช่วง 3-5 ปีแรก มูลค่ารถจะลดลงอย่างมาก ถ้าคุณซื้อรถใหม่ป้ายแดง แล้วคิดจะขายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า คุณอาจจะพบว่าเงินที่ได้คืนมาน้อยกว่าที่คาดไว้มากเลยนะคะ การทำความเข้าใจเรื่องนี้จะช่วยให้คุณประเมินได้ดีขึ้นว่าการซื้อรถเป็น “การลงทุน” ที่คุ้มค่าสำหรับแผนการใช้ชีวิตของคุณในระยะยาวหรือไม่ เพราะบางทีการเลือกซื้อรถมือสองสภาพดีที่ผ่านช่วงค่าเสื่อมราคาหนัก ๆ มาแล้ว ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ฉลาดกว่าในแง่ของมูลค่าที่เหลืออยู่เมื่อถึงเวลาต้องขายต่อค่ะ
4. คำนึงถึงค่าใช้จ่ายแฝงที่ไม่คาดคิด: นอกเหนือจากค่าผ่อนรถหรือค่า Lease และค่าประกันภัยแล้ว การเป็นเจ้าของรถยังมีค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ ที่ต้องเตรียมพร้อมนะคะ เช่น ค่าเปลี่ยนยางตามฤดู (โดยเฉพาะยางหน้าหนาวที่จำเป็นมากในแคนาดา), ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาตามระยะทาง, ค่าน้ำมัน, และค่าซ่อมแซมที่ไม่คาดคิดหากรถเกิดปัญหา ถ้าเป็นรถเก่าอาจจะต้องเตรียมเงินสำรองไว้สำหรับค่าซ่อมแซมที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาค่ะ บางทีอาจจะมีค่าใช้จ่ายที่ไม่เคยคิดถึงมาก่อน เช่น ค่าที่จอดรถในเมืองใหญ่ หรือค่าปรับที่เกิดจากการจอดรถผิดที่ผิดเวลาด้วยนะคะ ซึ่งสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้รวมกันแล้วอาจเป็นเงินก้อนใหญ่ที่กระทบกระเป๋าเงินเราได้เลยค่ะ
5. อ่านสัญญาให้ละเอียดทุกบรรทัด: ไม่ว่าจะเป็นสัญญาซื้อขายรถยนต์ หรือสัญญา Lease ก็ตาม กรุณาอ่านรายละเอียดให้ถี่ถ้วนทุกบรรทัดค่ะ โดยเฉพาะเงื่อนไขสำคัญ ๆ เช่น ระยะเวลาสัญญา, อัตราดอกเบี้ย, ค่าธรรมเนียมแฝง, ข้อจำกัดระยะทางสำหรับสัญญา Lease (หากขับเกินอาจมีค่าปรับแพงมาก), เงื่อนไขการคืนรถ, และสิ่งที่ครอบคลุมภายใต้การรับประกันหรือการบำรุงรักษา หากมีข้อสงสัยหรือไม่เข้าใจตรงไหน อย่าลังเลที่จะสอบถามผู้ขายให้ชัดเจนนะคะ หากเป็นไปได้ ลองให้เพื่อนที่เข้าใจภาษาอังกฤษได้ดี หรือทนายความช่วยตรวจสอบสัญญาให้ก่อนตัดสินใจเซ็นก็ได้ค่ะ เพราะเมื่อเซ็นไปแล้ว การเปลี่ยนแปลงแก้ไขจะเป็นเรื่องที่ยากมากค่ะ ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ทีหลังนะคะ
중요 사항 정리
การตัดสินใจว่าจะซื้อหรือ Lease รถยนต์ในแคนาดาเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบค่ะ ถ้าคุณวางแผนจะอยู่ที่แคนาดานาน ๆ และชอบความเป็นเจ้าของ มีเงินดาวน์พอสมควร และไม่กังวลเรื่องค่าบำรุงรักษา การซื้อรถอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเพราะคุณจะได้เป็นเจ้าของและมีอิสระในการใช้งานเต็มที่ รวมถึงมีมูลค่าคงเหลือเมื่อขายต่อ
แต่ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่าจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน ชอบเปลี่ยนรถบ่อย ๆ ต้องการค่าใช้จ่ายรายเดือนที่ถูกกว่า และไม่อยากมีภาระเรื่องการบำรุงรักษามากนัก การ Lease รถก็เป็นตัวเลือกที่ให้ความยืดหยุ่นสูงและช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงรถรุ่นใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้นค่ะ
ไม่ว่าจะเลือกทางไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือการประเมินสถานการณ์ทางการเงินของตัวเองให้ดี ศึกษาข้อมูลเรื่องประกันภัย ค่าใช้จ่ายแฝง และผลกระทบต่อประวัติเครดิตในระยะยาว เพื่อให้การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคุณในแคนาดามากที่สุดค่ะ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) 📖
ถาม: ซื้อรถกับการเช่ารถ (Lease) มีความแตกต่างกันยังไงบ้างคะ แล้วแบบไหนจะคุ้มค่ากว่ากันในระยะยาว?
ตอบ: โอ้โห คำถามนี้คลาสสิกสุด ๆ เลยค่ะเพื่อน ๆ! ฉันเองก็เคยนั่งกุมขมับคิดไม่ตกกับเรื่องนี้มาแล้วค่ะ สรุปง่าย ๆ เลยนะคะ การ “ซื้อ” รถก็คือเราเป็นเจ้าของรถคันนั้นไปเลยค่ะ ตั้งแต่ดาวน์ จ่ายค่างวดไปเรื่อย ๆ จนหมด คุณก็จะได้เล่มทะเบียนมาครอบครองสมบูรณ์ ส่วน “เช่ารถ (Lease)” เนี่ย เหมือนกับการเช่ารถระยะยาวค่ะ เราไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่จ่ายค่าเช่ารายเดือนเพื่อใช้รถไปตามระยะเวลาที่กำหนด (ส่วนใหญ่ก็ 2-4 ปี) พอครบสัญญา เราก็คืนรถไป หรือจะเลือกซื้อก็ได้ถ้าถามเรื่องความคุ้มค่าในระยะยาว…อันนี้ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์และการใช้งานของเราเลยค่ะ!
ถ้าซื้อรถ: ข้อดีคือเรามีอิสระเต็มที่ จะขับไปไหนเท่าไหร่ก็ได้ จะแต่งรถยังไงก็ได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องไมล์เกิน หรือรอยขีดข่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจจะโดนปรับตอนคืนรถ และพอผ่อนหมด เราก็ยังเหลือรถไว้ใช้หรือขายต่อได้ เป็นเหมือนสินทรัพย์อย่างหนึ่งค่ะ แต่ข้อเสียคือค่าใช้จ่ายรายเดือนมักจะสูงกว่า (ถ้าผ่อนในระยะเวลาเท่ากัน) แถมยังต้องรับความเสี่ยงเรื่องราคาตก (Depreciation) เองทั้งหมด และถ้าเป็นรถใหม่ ค่าประกันภัยก็จะสูงลิ่ว โดยเฉพาะถ้าเพิ่งย้ายมาแคนาดา ประกันภัยนี่แพงเอาเรื่องเลยค่ะ
ถ้าเช่ารถ (Lease): ข้อดีคือค่างวดรายเดือนมักจะถูกกว่า ทำให้เราได้ขับรถรุ่นใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพราะพอครบสัญญาก็เปลี่ยนคันใหม่ได้ทันที เหมาะกับคนที่ไม่ชอบใช้รถคันเดียวนาน ๆ หรืออยากขับรถรุ่นท็อป ๆ ที่ถ้าซื้อก็คงเกินงบไปเยอะค่ะ แต่ข้อเสียคือมีข้อจำกัดเรื่องระยะทาง ถ้าขับเกินที่ตกลงไว้ก็ต้องจ่ายเพิ่ม แถมยังต้องดูแลรักษารถให้ดีมาก ๆ เพื่อไม่ให้โดนค่าปรับตอนคืนรถ และที่สำคัญคือเราไม่ได้เป็นเจ้าของเลยค่ะ เงินที่จ่ายไปก็คือค่าเช่าล้วน ๆสำหรับฉันแล้ว ถ้าตั้งใจจะอยู่แคนาดานาน ๆ และคิดว่ามีงบประมาณพอที่จะซื้อรถมือสองสภาพดี หรือซื้อรถใหม่ที่ค่างวดไม่หนักมาก การซื้อน่าจะให้ความคุ้มค่าและสบายใจกว่าในระยะยาวนะคะ เพราะอย่างน้อยเราก็มีสินทรัพย์เป็นของตัวเอง ไม่ต้องกังวลเรื่องไมล์หรือสภาพรถตอนคืนค่ะ แต่ถ้ายังไม่แน่ใจเรื่องการอยู่นานแค่ไหน หรือชอบเปลี่ยนรถบ่อย ๆ การเช่าก็เป็นทางเลือกที่ดีที่ไม่ต้องแบกรับภาระเยอะค่ะ ลองชั่งน้ำหนักดูนะคะ!
ถาม: เรื่องประกันรถยนต์สำหรับคนไทยที่เพิ่งย้ายมาแคนาดานี่สิคะ ที่ทำให้ฉันกังวลเป็นพิเศษ มีคำแนะนำไหมว่าเราควรเลือกแบบไหนดีระหว่างซื้อหรือเช่ารถ เพื่อให้ค่าประกันไม่แพงจนเกินไป?
ตอบ: แหม…เรื่องประกันรถยนต์นี่เป็นปัญหาระดับชาติของคนไทยในแคนาดาเลยก็ว่าได้ค่ะ! ฉันเองก็เคยผ่านช่วงเวลาที่เห็นบิลค่าประกันแล้วแทบอยากจะกลับไปขับรถที่ไทยเลยทีเดียว เพราะค่าประกันที่แคนาดา โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีประวัติขับขี่ในแคนาดาน้อยหรือไม่มีเลยเนี่ย แพงหูฉี่มาก ๆ ค่ะ บอกเลยว่าไม่ว่าคุณจะซื้อหรือเช่ารถ ค่าประกันภัยก็ยังคงเป็นก้อนใหญ่ในงบประมาณของคุณอยู่ดีค่ะ เพราะบริษัทประกันเขาดูที่ประวัติการขับขี่ในแคนาดาเป็นหลัก ไม่ใช่สถานะการเป็นเจ้าของรถค่ะแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางออกนะคะ!
จากประสบการณ์ตรงของฉันเอง และจากที่ได้คุยกับเพื่อน ๆ หลายคน มีคำแนะนำดี ๆ มาฝากค่ะ:ประวัติการขับขี่สำคัญที่สุด: ถ้าคุณมีใบขับขี่จากประเทศไทย ลองขอเอกสารรับรองประวัติการขับขี่ (Driving Record) จากกรมการขนส่งทางบกของไทยมาด้วยนะคะ บางบริษัทประกันอาจจะพิจารณาลดเบี้ยให้ได้บ้าง ถึงจะไม่มาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลยค่ะ และพยายามสอบใบขับขี่แคนาดาให้ได้เร็วที่สุด เพื่อจะได้เริ่มสะสมประวัติการขับขี่ในประเทศค่ะ
รถที่เลือกมีผล: รถยนต์บางยี่ห้อ บางรุ่น มีค่าประกันที่แพงกว่ารถยนต์รุ่นอื่น ๆ ค่ะ ส่วนใหญ่รถสปอร์ต รถหรู หรือรถที่มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุสูง ค่าประกันก็จะแพงกว่า ลองเลือกรถที่ไม่ใช่เป้าหมายของการโจรกรรมมากนัก หรือเป็นรถยนต์ที่มีระบบความปลอดภัยดี ๆ ก็ช่วยได้ในระดับหนึ่งค่ะ การซื้อรถมือสองที่มีราคาไม่สูงมากในช่วงแรก ก็อาจจะทำให้ค่าประกันไม่สูงเท่ารถใหม่เอี่ยมนะคะ
เปรียบเทียบราคาประกัน: อย่า!
อย่า! อย่า! ตัดสินใจซื้อประกันจากบริษัทแรกที่คุณเจอเด็ดขาดค่ะ!
อันนี้สำคัญมาก ๆ นะคะ ลองเข้าไปขอใบเสนอราคาจากหลาย ๆ บริษัทประกันภัย (เช่น Desjardins, TD Insurance, Intact, Co-operators) พวกเขาจะมีโบรกเกอร์ที่สามารถหาข้อเสนอที่ดีที่สุดให้เราได้ค่ะ ฉันเคยลองเองแล้ว ค่าประกันอาจจะต่างกันได้เป็นร้อยเหรียญต่อเดือนเลยนะคะ
รวมแพ็กเกจประกัน (Bundling): ถ้าคุณมีประกันอื่น ๆ เช่น ประกันบ้านหรือประกันผู้เช่า (Tenant Insurance) ลองสอบถามดูว่าสามารถรวมแพ็กเกจกับประกันรถยนต์ได้ไหม บางทีก็ได้ส่วนลดเพิ่มอีกค่ะสรุปง่าย ๆ คือไม่ว่าคุณจะซื้อหรือเช่ารถ ค่าประกันก็ยังเป็นเรื่องใหญ่ค่ะ แต่เราสามารถจัดการให้ค่าใช้จ่ายไม่บานปลายได้ด้วยการเตรียมตัวที่ดี เลือกอย่างฉลาด และเปรียบเทียบเยอะ ๆ ค่ะ สู้ ๆ นะคะทุกคน!
ถาม: ถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะอยู่ที่แคนาดานานแค่ไหน หรืออาจจะต้องย้ายเมืองบ่อย ๆ ควรเลือกซื้อหรือเช่ารถดีคะ? แบบไหนจะให้ความยืดหยุ่นมากกว่ากัน?
ตอบ: คำถามนี้โดนใจเพื่อน ๆ หลายคนที่กำลังวางแผนชีวิตในแคนาดามาก ๆ เลยค่ะ! เพราะชีวิตคนต่างแดนนี่อะไร ๆ ก็ไม่แน่นอนเนอะ การมีรถคู่ใจก็สำคัญ แต่ถ้ายังไม่รู้ว่าจะปักหลักที่ไหนนานแค่ไหน จะซื้อหรือเช่าดีถึงจะยืดหยุ่นกว่ากัน?
จากประสบการณ์ส่วนตัวและที่เห็นจากเพื่อน ๆ หลายคน ฉันคิดว่ามีทั้งข้อดีข้อเสียที่ต้องพิจารณาทั้งสองแบบค่ะถ้าเลือก “เช่ารถ (Lease)”:
ข้อดี: ให้ความยืดหยุ่นในแง่ที่คุณรู้ว่าจะมีภาระผูกพันกับรถคันนี้แค่ระยะเวลาหนึ่ง เช่น 2-3 ปี พอครบสัญญาก็คืนรถไปเลย ไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องการขายต่อ หรือค่าซ่อมบำรุงจุกจิกที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อรถเริ่มเก่าค่ะ เหมาะมากถ้าคุณรู้แน่ ๆ ว่าจะอยู่ที่นี่ไม่เกินกี่ปี หรือตั้งใจจะย้ายเมืองใหญ่ที่มีระบบขนส่งสาธารณะดีเยี่ยมแล้วจะไม่มีความจำเป็นต้องใช้รถอีกต่อไป
ข้อเสีย: แต่ถ้าต้องย้ายเมืองบ่อย ๆ ในช่วงที่ยังไม่หมดสัญญาเช่า อันนี้แหละที่อาจจะสร้างปัญหาได้ค่ะ เพราะการยกเลิกสัญญาเช่ารถก่อนกำหนดมักจะมีค่าปรับที่ค่อนข้างสูง หรืออาจจะต้องเสียเวลาหาคนมาสวมสัญญาเช่า (Lease Transfer) ซึ่งก็ไม่ง่ายเสมอไป แถมยังมีข้อจำกัดเรื่องระยะทาง ถ้าเดินทางเยอะบ่อย ๆ อาจจะเจอค่าใช้จ่ายเพิ่มเมื่อคืนรถค่ะถ้าเลือก “ซื้อรถ”:
ข้อดี: ให้ความยืดหยุ่นสูงสุดในแง่ของการตัดสินใจค่ะ เมื่อคุณเป็นเจ้าของรถแล้ว คุณสามารถจะขายรถคันนั้นเมื่อไหร่ก็ได้ที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการย้ายเมือง ย้ายประเทศ หรือแค่เปลี่ยนใจอยากได้รถคันใหม่ คุณก็แค่เอาไปขายต่อ หรือแลกเปลี่ยน (Trade-in) ที่เต็นท์รถได้เลยค่ะ ไม่ต้องติดกับสัญญาผูกมัดเหมือนการเช่า
ข้อเสีย: แน่นอนว่าการขายรถมือสองก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไปค่ะ คุณอาจจะต้องใช้เวลาในการหาผู้ซื้อ หรืออาจจะต้องยอมขายในราคาที่ขาดทุนไปบ้างเมื่อเทียบกับตอนที่ซื้อมาใหม่ ๆ โดยเฉพาะถ้าต้องขายแบบกระชั้นชิด และถ้าเป็นรถเก่า ค่าซ่อมบำรุงก็จะตามมาเป็นเงาตามตัว ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบเองทั้งหมดค่ะสำหรับคนที่ยังไม่แน่ใจว่าจะอยู่ที่แคนาดานานแค่ไหน หรือมีโอกาสย้ายเมืองบ่อย ๆ ฉันมองว่าการ ซื้อรถมือสองในราคาที่เหมาะสม อาจจะเป็นทางเลือกที่ยืดหยุ่นและสบายใจที่สุดในระยะยาวค่ะ เพราะถึงแม้จะต้องลงทุนก้อนแรกไปบ้าง แต่คุณก็สามารถตัดสินใจขายได้ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปโดยไม่ต้องกังวลเรื่องสัญญาเช่า หรือค่าปรับต่าง ๆ ค่ะ แต่อย่าลืมว่าก่อนซื้อรถมือสอง ต้องพาช่างไปตรวจสอบสภาพให้ดีนะคะ ไม่งั้นได้รถซ่อมบ่อยมา จะกลายเป็นภาระแทนค่ะ!